เนื่องจากอากาศประเทศนี้ร้อนใกล้เคียงนรกขึ้นไปทุกวัน ตอนนี้เลยอยากมาขอรีวิวกันแดดสำหรับผิวหน้าที่ใช้อยู่ตอนนี้ค่ะ เป็นกันแดดเนื้อบางเบา ทาแล้วแห้งไว ไม่เหนอะหน้า พร้อมสอนเทคนิคเลือกครีมกันแดด มาลองดูกันว่าเป็นยังไงกันนะคะ
โลชันกันแดดที่นำมารีวิววันนี้คือ P.O. Care Sun Block Expert Facial SPF50+/PA++++ เป็นกันแดดเนื้อน้ำนม และเป็น Base Makeup ในตัวด้วย สามารถใช้ทาแทนเมคอัพเบสหรือรองพื้นได้เลย
สำหรับกันแดดตัวนี้เค้าบอกว่าเป็นเนื้อน้ำนม ซึมซับง่าย ช่วยปรับสีผิวให้สว่างขึ้น และช่วยปกปิดริ้วรอยจุดด่างดำบางส่วน สำหรับใช้บนผิวหน้าก่อนการแต่งหน้า ซึ่งใช้แทน Makeup Base ได้เลย
เนื้อซึมไวอย่างที่ว่าจริงๆ แค่ปาดไม่นาน ตัวโลชั่นที่เป็นนมสีชมพูจะซึมเข้าไปในผิว ดังนั้นต้องค่อยๆ ทาทีละจุดนะคะ สามารถทาทับเมคอัพได้ด้วย ทดลองมาแล้วค่ะ เพียงแต่ห้ามถู ให้แท็บลงไปบนผิวเบาๆ
สำหรับรีวิวตัวเต็มๆ จิ้มดูทางวิดีโอได้ที่ลิ้งนี้ค่ะ >> [https://youtu.be/gLLZmlyXDtU] <<
ทำไมเราถึงต้องหาอะไรไปสู้แดด?
บ้านเราแดดแรงมากค่ะ แถมเพราะนอกจากจะทำให้แสบผิว และผิวคล้ำ มีจุดด่างดำแล้ว การโดนแดดจัดระยะเวลานานส่งผลต่อโรคผิวหนังอื่นๆ ก่อให้เกิดฝ้า ผิวไหม้ ผื่นคัน หรือกระทั่งมะเร็งผิวหนัง ดังนั้นเมื่ออยู่ในประเทศที่แดดร้อนจัดขนาดนี้ ก็ควรทำการปกป้องผิวตัวเองกันบ้างค่ะ
เลือกกันแดดอย่างไรให้ครอบคลุม? ค่าต่างๆ บนฉลากคืออะไร?
เราขออธิบายสำหรับคนที่ยังงงๆ ว่าค่ากันแดดต่างๆ ที่ปรากฏบนขวดหรือบรรจุภัณฑ์ของครีมกันแดดคืออะไรบ้าง และเราควรเลือกใช้แบบไหน
SPF : ค่าเอสพีเอฟ ย่อมาจาก Sun Protection Factor คือค่าที่บอกการป้องกันผิวจากรังสี UVB ตัวเลขมีตั้งแต่ 2 -100 แต่ที่มักพบเจอกันจะเป็น 15+, 30+,50+ ประมาณนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่ายิ่งมี SPF มากจะกันแดดได้ดี แต่หมายถึงประสิทธิภาพในการป้องกันผิวจาก UVB ซึ่งจะก่อให้เกิดความระคายเคืองกันผิว ค่า SPF จึงหมายความได้อย่างง่ายๆ ว่าเป็นประสิทธิภาพในการป้องกันและทนต่อแดดในระยะเวลาที่เพิ่มมากขึ้นกี่เท่า
เช่น ถ้าเราเคยโดนแสงแดดตอนเที่ยงได้ประมาณ 15 นาที แล้วผิวจะเริ่มอักเสบแดง ถ้าทาครีมกันแดดในปริมาณที่เหมาะสมและครีมกันแดดนั้นมีค่า SPF 15+ ก็หมายความว่าเราจะทนต่อแสงแดดตรงนั้น 15 x 15 = 225 นาที จากปกติที่ไม่ทาคือเพียงแค่ 15 นาทีผิวเราก็เริ่มแดงแล้ว เมื่อทากันแดดเราจะทนต่อได้ถึง 3.45 ชม.
PA : ย่อมาจาก Protection Grade of UVA คือการวัดค่าการป้องกันผิวจากรังสี UVA ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีมาตรฐานวัดที่ชัดเจน จึงมีการใช้ค่า PA ซึ่งไม่เป็นทางการช่วยบอกความสามารถในการกันรังสี UVA ซึ่งตอนนี้มีค่าตั้งแต่ PA+ จนถึง PA++++ ที่มากสุด
UVA : รังสีที่มีคลื่นยาว ส่งผลให้เข้าไปทำร้ายผิวชั้นในได้ กระทบต่อโครงสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเหี่ยวลง ผิวดูแก่ขึ้น และเกิดริ้วรอย
UVB : รังสีที่มีคลื่นสั้นกว่า UVA ส่งผลกระทบต่อผิวชั้นนอก ก่อให้เกิดภาวะผิวไหม้เกรียมแดด
IR+ : คือ Infrared เป็นคลื่นแสงอีกชนิดที่พบในแดด โดยหากได้รับเป็นระยะเวลานานจะก่อให้เกิดปัญหาผิวคล้ำสะสม ซึ่งเกิดจากการก่อตัวของสารอนุมูลอิสระได้ การเลือกครีมกันแดดที่มีค่า IR+ ย่อมหมายถึงประสิทธิภาพในการป้องกันคลื่นอินฟราเรดค่ะ
สรุปแล้วเมื่อคิดจะลองเลือก P.O. Care Sun Block Expert Facial SPF50+/PA++++ นำมาใช้ ครีมกันแดดตัวนี้จะมีค่า SPF50+ คือช่วยปกป้องผิวจาก UVB 50 เท่า และ PA++++ คือป้องกัน UVA ได้สูงสุด (ซึ่งบนขวดจะระบุว่าป้องกันได้ทั้ง UVA1 และ UVA2) และ IR+ ที่หมายถึงช่วยป้องกันผิวจากรังสีอินฟราเรดอีกด้วย
เรียกว่าเป็นกันแดดที่ครอบคลุมการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องออกไปเจอแดดเป็นเวลานาน และเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดต้องทาให้ได้ความหนาและทั่วถึง รวมถึงควรเติมกันแดดใหม่ทุกๆ 3-4 ชม.ด้วยค่ะ P.O. Care Sun Block Expert Facial SPF50+/PA++++ จึงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์สำหรับคนเล่นกีฬากลางแจ้งต่างๆ
แม้ว่าจะกันรังสีได้เยอะพอตัว แต่เรื่องการกันน้ำ อาจจะยังไม่ถึงขนาด Waterproof แต่ก็เป็น Very Water Resistant คือป้องกันน้ำได้ 70-80% สำหรับคนที่ไม่ได้ไปเล่นน้ำทะเล ก็ยังพอไหว แต่ถ้ากิจกรรมดำน้ำ ดูปะการังอาจจะต้องพิจารณาตัวอื่นแทนค่ะ
ขนาด 30 ml.
ราคา 295 บาท
สามารถติดตาม P.O.CARE ได้ทาง
Website : pocare.net
Facebook : https://www.facebook.com/P.O.CARE
🌙 Instagram : @Deadlydoll66
🌙 Youtube : Deadlydoll
🌙Email : deadlydollvanessa[at]gmail.com