ยังคงเป็นกระแสเรื่อยๆ กับ 50 Shades of Grey อาจจะเพราะความแรงของเนื้อหาที่ใกล้เคียงกับนิยายโป๊ มากกว่า erotic แต่เอ๊ะ! พวกแกจะเห่อทำไม นิยายแรงๆ แบบนี้มีมานานแล้ว และอาจจะแร๊ง กว่าเรื่องนี้ซะอีกแน่ะ! รับประกันความ SM ของเรื่องนี้เลยว่าจัดจ้านกว่ามากจริงๆ
cr. : http://www.cinemablend.com/images/news/68723/_1419452695.jpg
แน่นอนว่าในช่วงสิบปีนี้ จะไม่มีนิยายเรื่องไหนร้อนแรงเท่า ฟิฟตี้ เชดส์ ออฟ เกรย์ ซึ่งออกมาตั้งแต่ปี 2011 และก็เป็นที่วิพากษ์ในวงกว้างมาเรื่อยๆ ฝั่งฝรั่งนี่ใช้คำว่า phenomenon กับเรื่องนี้ตั้งแต่ฉบับนิยาย จนถึงหนังที่เพิ่งเข้าฉายอาทิตย์ที่แล้ว แต่ดูเหมือนพวกเราจะตะลึงกับมิสเตอร์เกรย์ ที่สื่อเอามาพรีเซ้นต์มากมายจนลืมอะไรไปรึเปล่า?
เราลืมนิยายสุดฉาวเรื่องหนึ่งที่ถูกพิมพ์ครั้งแรกในปี 1954 แต่ถูกแบนยับจากหลายๆ แห่ง แม้ว่าจะสร้างหนังขึ้นมาใน 1975 มันก็ถูกแบนยาวจนถึงปี 2000 จึงจะได้ออกมาเผยโฉมต่อสายตาประชาชี “บนดิน” ได้อย่างชัดเจน และนิวยอร์ก ไทม์ บุ๊ก กล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ไว้ว่า “ผลงานสุดฉาวกระฉ่อนในฐานะที่เป็นนวนิยายใต้ดิน น่าทึ่งในฐานะที่เป็นตัวอย่างอันหาได้ยากยิ่งของความลามกที่ถูกทำให้กลายเป็นศิลปะบริสุทธิ์”
นิยายเรื่องนั้นคือ “The Story of O” โดย Pauline Reage แปลไทยโดยใช้ชื่อเรื่องตามฉบับภาษาอังกฤษในปี 1984 โดย คำเรียง ร้อยมาลี เรื่องของโอ เป็นนิยายฝรั่งเศสเล่าเรื่องสาวน้อยช่างภาพแฟชั่นชื่อเดียวกับนิยาย (ก็นิยายชื่อว่า Story of O นางคงไม่ได้ชื่อมะลิหรอก) เรื่องของเรื่องคือยัยโอ มีแฟนหนุ่มที่รักสุดสวาทขาดใจชื่อว่า เรอเน่ ซึ่งโอนั้นรักเรอเน่ขนาดยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อเขา และชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะพิสูจน์มัน เรอเน่พาโอไปยังสถานที่ลึกลึบแห่งหนึ่งที่เรียกว่า ปราสาทรอยส์ซี่ (Roissy) และที่นั่นเอง โอได้เรียนรู้การก้าวเข้าไปในหลุมดำที่ลึกที่สุดของความปรารถนาในใจของตนเอง
แรกเริ่มเราจะคาดไม่ถึงเลยว่า จากหญิงสาวที่เชื่อว่าเธอรักผู้ชายคนหนึ่งอย่างบริสุทธิ์ใจ ด้วยความธรรมดาและสัตย์ซื่อ จะกลายเป็นสตรีที่มากรัก และตกอยู่ในกับดักของกามารมย์ได้จนยากจะถอนตัวขึ้นในตอนท้าย อย่างที่เธอกล่าวไว้ในตอนหนึ่งขณะถูกล่ามและเฆี่ยนอย่างหนักว่า “ทำไมนะ ความสยดสยองถึงได้มีรสชาติที่หวานล้ำเช่นนี้?”
ทันทีที่โอก้าวเข้าไปในปราสาท กายของหล่อนไม่ใช่ของหล่อนอีกต่อไป แต่เป็นสมบัติของ “นายของพวกเธอ” ซึ่งจะสั่งให้เธอทำอะไรก็ได้ โอถูกสั่งให้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่มีชั้นใน สวมปลอกคอและกำไล เช่นเดียวกับหญิงสาวอีกมากมายภายในรอยส์ซี่ คอยทำตามคำสั่งของชายสวมชุดหน้ากากทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นนางบำเรอ หรือทาสรักที่ถูกเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง
สาวๆ เหล่านี้ไม่มีปากเสียง เธอทำตามแต่คำสั่งของเจ้านาย โดยมีกฏว่าห้ามมองหน้าพวกเขา ห้ามไขว่ห้างหรือนั่งบีบขาเข้าด้วยกัน สุดท้ายจึงถูกทำให้ไม่มีความต้องการของตนเอง นอกจากการตอบสนองต่อคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น
เมื่อเทียบกับ Fifty Shades of Grey ที่มีพล็อตหลักย่นย่อแค่ว่า แอนัสเตเซีย สาวน้อยใสซื่อผู้ซึ่งไม่เคยรู้จักเซ็กส์ ถูกดึงดูดโดย คริสเตียน เกรย์ นักธุรกิจหนุ่มที่มีรสนิยมทางเพศแบบกามวิตถาร หรือ BDSM (Bondage Sadomasochism) และเธอก็คิดสั้นถลำเข้าไปในห้องสีแดง เพลย์รูมอันน่าสะพรึงของเขาด้วยตนเอง ก่อนจะมาสำเหนียก เอ้ย สำนึกคิดอะไรได้ทีหลัง ว่าตกลงนั่นคือความรัก ความใคร่ หรืออะไร? มันช่างดูจิ๊บจ้อยจนไม่น่าเอามาเทียบกันได้เลย
ทำไมถึงไม่ควรเทียบ? เพราะ เดอะ สตอรี่ ออฟ โอ พาเราไปไกลกว่านั้น! เรื่องของโอพาเราไปรู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ก้าวผ่านข้อกำหนดของเซ็กส์กับความรัก สำหรับโอ ความรักไม่ใช่การสนองตอบปรนเปรอซึ่งกันและกัน แต่คือการสนองตัณหาของอีกฝ่าย แม้ว่าเขาจะต้องขอให้เธอเป็นโสเภณีเพื่อเขา ยอมทอดกายให้ชายอื่นที่ไม่ใช่เขา และยอม…แม้กระทั่งให้ชายคนอื่นเหยียดหยาม เพื่อความสุขของเรอเน่เท่านั้น ซึ่งในความทุกข์ทรมานจากการทารุณและหมิ่นเกียรติ แทนที่โอจะรู้สึกเสียใจ แต่ในความรู้สึกเศร้านั้น หล่อนสัมผัสได้ถึงความสุข
ในขณะที่ ฟิฟตี้ เชดส์ ออฟ เกรย์ เพียงแค่นำเอาโซ่แส้กุญแจมือมาเป็นพรอพประกอบฉากให้มันดูผิดจากปรกติ แอนาก็แค่สาวน้อยอ่อนโยนต่อโลกที่อยากเรียนรู้เรื่องอย่างว่า แต่ดันซวยมาเจอคริสเตียน ซึ่งจริงๆแล้วก็น่าตลกที่เซ็กส์ของเขาดูอ่อนโยนชวนฝันสำหรับสาวๆ มากกว่าที่จะดูรุนแรง หรือดูสื่อไปทางซาดิสม์
cr. :http://www.romancemeetslife.com/2014/07/the-fifty-shades-of-grey-movie-trailer.html
นั่นคือสาเหตุว่าทำไมมันถึงเทียบกันไม่ได้ เพราะมันนำเสนอคนละอย่าง มิสเตอร์เกรย์ กับ เรอเน่ นั้น ต่างกันคนละขั้ว มิสเตอร์เกรย์ของเราแค่พระเอกแบนๆของโลกอุดมคติของหญิงสาวที่เบื่อความจำเจในรสรักแบบเดิมๆ จึงต้องเติมพริกสดลงในน้ำชาเสียหน่อย แปร่งๆไปก็ช่าง ฉันจะกิน ใครจะทำไม? ซึ่งบางคนก็อาจจะชอบกินแบบนั้น ส่วน เรอเน่ เขาคือคนที่เลือกจะหยิบพริกไทย เพิ่มลงในกองพริกสด แค่นำวัตถุดิบที่ร้อนแรงมาเติมเชื้อให้มันมากขึ้นเท่านัั้น ไม่ได้ต้องการพยายามจะฉีกแนวของอาหารไปจนฝาดลิ้นไม่ชินปาก
ส่วนเราจะเลือกกินแบบไหน ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนก็แล้วกันค่ะ 😀
เรียบเรียงข้อมูลจาก
เอื้อ อัญชลี.โอ – สาวมาโซคิสม์ ใน ห้องสมุดอีโรติก. กรุงเทพฯ:มติชน (2549),น.95-99
ภาพประกอบ (Picture) จาก filmstillcatalogue.blogspot.com
🌙 Instagram : @Deadlydoll
🌙 Youtube : Deadlydoll Vanessa
🌙Email : deadlydollvanessa[at]gmail.com